• Kyoto
  • Kyoto

เกียวโต京都

Fushimi Inari Shrine

ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ

นั่งรถไฟประมาณ 40 นาที จากสถานีโอโงโตะออนเซ็น

ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ ที่สถิตย์ของเทพแห่งเหล้าและข้าว เป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งและเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น อุโมงค์เสาโทริอิสีแดงที่เรียงรายกันมากกว่า 10,000 ต้นตรงทางที่เดินไปนมัสการศาลเจ้าเรียงรายทอดยาวไปถึงภูเขาฟุชิมิ เป็นทิวทัศน์ที่งดงามและอลังการมาก ศาลเจ้า 5 แห่งกระจายอยู่เป็นจุดๆ ในป่า จะมองเห็นรูปปั้นหินสุนัขจิ้งจอกผู้ส่งสารจากพระเจ้าจำนวนมากซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาชินโต
ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริที่เรียงรายทอดยาวถึงทางเดินภูเขาอันงดงามของภูเขาอินาริ เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การเดินเล่นมากที่สุด เมื่อผ่านเสาโทริอิอันสวยงามที่เรียงรายขึ้นไปจนถึงทางเดินไปนมัสการศาลเจ้า จะมองเห็นเมืองเกียวโตตั้งเรียงรายอยู่ เมืองเกียวโตที่มองจากยอดเขาเป็นทิวทัศน์อันงดงามมาก ท่านยังสามารถแวะพักดื่มชาในร้านขายน้ำชาหรือลิ้มรสคิทซึเนะอุด้งเลิศรสตรงระหว่างทางเดินไปนมัสการศาลเจ้า

วัดคิโยมิซุ

วัดคิโยมิซุ

นั่งรถไฟประมาณ 40 นาที จากสถานีโอโงโตะออนเซ็น

“วัดคิโยมิซุ” สถานที่ท่องเที่ยวที่มิควรพลาดชมของเกียวโต เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับบันทึกเป็นมรดกโลก เปิดให้ชมและมีการแสดงไฟเวลากลางคืน จึงมีนักท่องเที่ยวมากมายแวะชมตลอดทั้งปี
วัดคิโยมิซุ สร้างเมื่อปี 798 โดยโชกุน เซอิไท และนักรบซากาโนอุเอะ ทามุระมาโร่ ในสมัยจักรพรรดิคัมมุ อาคารปัจจุบันเป็นอาคารที่โชกุนโทคุงาวะ อิเอมิทสึสร้างขึ้นใหม่ในปี 1633 พระประธานคือรูปปั้นพระโพธิสัตว์พันกร 11 พักตร์ 42 พระพาหาที่ประทานโชคลาภให้แก่ผู้คนจวบจนปัจจุบัน จะแตกต่างกับพระโพธิสัตว์พันกรทั่วไป ที่ยกพระพาหาซ้ายขวาขึ้นเหนือพระเศียร เป็นพระพุทธรูปร่างแปลกซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของวัดคิโยมิซุ จึงถูกเรียกว่า “พระโพธิสัตว์แบบคิโยมิซุ”

อาราชิยามะ

อาราชิยามะ

นั่งรถไฟประมาณ 60 นาที จากสถานีโอโงโตะออนเซ็น

อาราชิยามะ แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากแห่งหนึ่งของเกียวโต เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในช่วงที่ดอกซากุระบานและช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
โดยทั่วไปจะเรียกบริเวณรอบๆ สะพานโทเง็ตสึเคียวว่า อาราชิยามะ ซึ่งชื่อดังกล่าวคือชื่อของภูเขาอาราชิยามะ (สูงจากระดับน้ำทะเล 375m) ที่อยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำโออิ ที่ตั้งชื่อตามคำพูดของพระจักรพรรดิคาเมยามะว่าสะพานโทเง็ตสึเคียวเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโออิ “คล้ายกับการข้ามสู่ดวงจันทร์”
มีแหล่งท่องเที่ยวที่กระจายอยู่หลายแห่งซึ่งมีชื่อเสียงมากของเกียวโต อย่างเช่น “วัดเทนริวจิ” มรดกโลก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันอย่างคับคั่ง

วัดคินคาคุจ

วัดคินคาคุจ

นั่งรถไฟประมาณ 50 นาที จากสถานีโอโงโตะออนเซ็น

มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วัดโรคุองจิ หรือวัดสวนกวาง หนึ่งในวัดสาขาของวัดโชโคคุจิที่ลูกศิษย์สร้างขึ้น คนทั่วไปเรียกว่า วัดคินคาคุจิหรือวัดปราสาททอง เพราะ “ปราสาททอง” พลับพลาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุมีชื่อเสียงอย่างมาก
เดิมเคยเป็นบ้านพักตากอากาศของรัฐบุรุษนาม ไซออนจิ คิทซึเนะ ในสมัยคามาคุระ โชกุนอาชิคางะ โยชิมิซึ ซึ่งเป็นโชกุนลำดับที่ 3 ในยุคมุโรมาจิ รับโอนสถานที่แห่งนี้ต่อจาก ไซออนจิ และเริ่มสร้างเป็นที่พำนักชายเขาโดยตั้งชื่อว่า คิตะยะมะโดโนะ
สวนและสิ่งก่อสร้างภายในวัดปราสาททองแสดงภาพลักษณ์ของแดนสุขาวดีในโลกหน้า เคยเป็นเรือนรับรองพระจักรพรรดิโกโคมัตสึพระบิดาของอิคคิว โซจุน หรืออิคคิวซังที่มีชื่อเสียง เป็นสถานที่ทำการค้ากับจีนที่เจริญรุ่งเรือง และช่วยเผยแพร่วัฒนธรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมคิตะยามะ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของยุคนี้ หลังจากท่านโชกุนโยชิมิซึ เสียชีวิตที่พำนักของโชกุนก็ได้ถูกเปลี่ยนเป็นวัดตามคำสั่งเสียของท่านโชกุนโยชิมิซึ โดยมีท่านมุโซ โคคุชิ เป็นเจ้าอาวาสคนแรก และตั้งชื่อวัดว่า วัดโรคุองจิ โดยนำอักษร 2 ตัวมาจากคำว่า โฮโงโรคุองอินโดโนะ ซึ่งเป็นพุทธฉายาของท่านโชกุนโยชิมิซึ

วัดเอคันโด

วัดเอคันโด

นั่งรถไฟประมาณ 60 นาที จากสถานีโอโงโตะออนเซ็น

วัดเอคันโดมีชื่อเสียงเรื่องพระอมิตาภพุทธะกลับมาเป็นพระพุทธรูปและใบไม้สีแดงในฤดูใบไม้ร่วง มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า วัดเซนรินจิ เป็นสำนักใหญ่ของวัดเซซังเซนรินจินิกายสุขาวดี พระชินโช ศิษย์คนสำคัญของท่านคูไค ก่อตั้งเป็นสำนักนิกายชินกอนในปี 853 ช่วงหลังศตวรรษที่ 11 กลายเป็นวัดนิกายสุขาวดีโดยมีท่านโยคังซึ่งรู้จักกันในนามของเอคันโด เป็นเจ้าอาวาส และเป็นสถานที่เก็บรักษารูปภาพพระพุทธรูปตั้งแต่สมัยคามาคุระ (1185–1333) มากมาย เช่น ภาพพระอมิตาภพุทธะ ยามะโกชิ ซึ่งเป็นสมบัติของแผ่นดิน
นอกจากนี้ วัดเอคันโด ยังเป็น “โมมิจิหรือเมเปิ้ลแห่งวัดเอคันโด” แหล่งชมใบไม้สีแดงที่มีชื่อเสียง ต้นเมเปิ้ลประมาณ 300 ต้นมีสีสันงดงามในฤดูใบไม้ร่วง จัดแสดงไฟและจัดแสดงสมบัติของวัดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ช่วงเวลา 17:30 – 21:00 น. มีการแสดงไฟอันงดงามราวกับอยู่ในความฝันบริเวณศาลาพระอมิตาภพุทธะ ศาลาพระพุทธรูป และสวนภายในวัด ปิดรับเข้าชมก่อนเลิก 30 นาที

วัดซังจูซังเก็นโด

วัดซังจูซังเก็นโด

นั่งรถไฟประมาณ 40 นาที จากสถานีโอโงโตะออนเซ็น

วัดซังจูซังเก็นโด เป็นวัดที่พระจักรพรรดิโกะชิราคาวะในสมัยเฮอัน เริ่มสร้างขึ้นในพระราชวังจักรพรรดิ เพื่อเป็นศูนย์รวมความศรัทธาในศาสนาของชาวญี่ปุ่นในสมัยโบราณ ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกเดินทางมาชมความงดงามของวัด
สิ่งที่ผู้คนมากมายต้องตะลึงเมื่อเข้าไปในวัดซังจูซังเก็นโด คือ “รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร” จำนวน 1001 องค์ ที่สร้างอยู่ด้านหลังรูปปั้นเหล่าองค์เทพ 28 องค์ผู้ปกป้องพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกรที่ยืนตระหง่านอยู่ รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมประทับยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ 1000 องค์บนฐานรูปบันไดประมาณ 10 แถว รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมพันกร มี 11 พักตร์บนเศียร พระพาหาทั้งสองข้างมี 40 กร นอกจากจะมีรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมจำนวนมากแล้ว แต่ละองค์มีพระพักตร์ที่ไม่เหมือนกันสักองค์เดียว รูปปั้นประทับยืนของพระโพธิสัตว์กวนอิม 1001 องค์ ถูกจัดวางโดยคำนวณมุมเงยพระพักตร์อย่างเป็นธรรมชาติที่มองผู้ไหว้สักการะทุกคนในทุกแห่ง

วัดนันเซ็นจิ

วัดนันเซ็นจิ

นั่งรถไฟประมาณ 35 นาที จากสถานีโอโงโตะออนเซ็น

วัดนันเซ็นจิ วัดของสำนักรินไซ และเป็นสำนักใหญ่ของนิกายเซน ที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยมุโรมาจิ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมากในแต่ละฤดูกาลทั้งในช่วงซากุระบานและใบไม้สีแดง
ภายในพื้นที่ด้านหน้าอันกว้างใหญ่จะมีสะพานก่ออิฐขนาดใหญ่ทอดผ่านเป็นสะพานที่ใช้วางท่อน้ำจากทะเลสาบบิวะมาอุปโภคบริโภคในเมืองเกียวโตตั้งแต่สมัยเมจิ ท่านจะเพลิดเพลินกับรรยากาศอันอัศจรรย์ของทิวทัศน์อันเงียบสงบของฮิงาชิยามะ กับโครงสร้างที่มีลักษณะเฉพาะของเสาสะพานรูปโค้ง

  • Lake Biwa
  • Lake Biwa

ทะเลสาบบิวะ琵琶湖周辺

Biwako Valley

Biwako Valley

รถยนต์ ใช้เวลา 30 นาที

รีสอร์ทที่สามารถนั่งโรปเวย์จากตีนเขาใช้เวลา 5 นาที ตั้งอยู่บนภูเขาอุจิมิยามะที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,108 เมตร และภูเขาโฮไรซังที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,174 เมตร ซึ่งบนยอดเขามีระเบียงที่แฝงไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว 2 แห่ง ได้แก่ “แกรนด์ เทอเรซ” ที่มองเห็นทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ของทะเลสาบบิวะจากท้องฟ้าได้ และ “นอร์ท เทอเรซ” ที่มองเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบบิวะและภูเขาน้อยใหญ่ที่สวยงามได้ ไม่ว่าจะชมทิวทัศน์จากระเบียงแห่งไหนก็สวยงามทั้งนั้นและมีผู้คนจากทั่วโลกมาเยือนมากมาย

ศาลเจ้าชิราฮิเกะ

ศาลเจ้าชิราฮิเกะ

รถยนต์ ใช้เวลา 30 นาที

ศาลเจ้าชิราฮิเกะที่มีเสาโทริอิสีแดงตั้งลอยอยู่กลางทะเลสาบบิวะนี้ เป็นสถานที่สถิตของเทพเจ้าแห่งอายุวัฒนะ และยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “เทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์” ที่ให้พรทุกอย่าง อาทิ เรื่องความรัก การขอลูก การเปิดดวงชะตาให้มีแต่ความสุข เรื่องเรียน เรื่องทำงาน การเดินทางปลอดภัย การเดินเรืออย่างปลอดภัย การใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เป็นต้น

วัดเอ็นเรียคุจิ บนเขาฮิเอ

วัดเอ็นเรียคุจิ บนเขาฮิเอ

วัดเอ็นเรียคุจิ มรดกโลกที่ตั้งอยู่บนเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 800 เมตร ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันงดงามที่สามารถมองเห็นทะเลสาบบิวะ หนึ่งในทะเลสาบที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น วัดแห่งนี้ถือได้ว่าเป็น “จุดรวมพลัง” อันลึกลับที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,200 ปี ภายในบริเวณวัดมีโบสถ์และวิหารประมาณ 150 แห่ง ซึ่งมีผู้คนจากทั่วโลกแห่แหนกันมาสักการะกราบไหว้เป็นจำนวนมาก

ปราสาทฮิโกะเนะ

ปราสาทฮิโกะเนะ

ปราสาทฮิโกะเนะถือได้ว่าเป็นปราสาทอันมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น โดยใช้เวลาประมาณ 20 ปีในการสร้างโดยท่านนาโอสุกุและท่านนาโอทากะ ปราสาทฮิโกะเนะแห่งนี้มีเสน่ห์อยู่ที่ความงดงามของตัวปราสาทที่ตั้งอยู่บนฐานหินอย่างสง่างาม ในปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นร่องรอยทางประวัติศาสตร์แบบพิเศษ แสงสว่างจากดวงจันทร์ที่ส่งมากระทบตัวปราสาทฮิโกะเนะนั้นมีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งนับว่าเป็น 1 ใน 8 ทิวทัศน์ที่สวยงามของทะเลสาบบิวะ

PHOTO:(C)Biwako Visitors Bureau